พระเศรษฐีนวโกฏิ ขนาด 9 นิ้ว สูง 13 นิ้ว เนื้อทองเหลือง
พระเศรษฐีนวโกฏิ
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ครั้งพุทธกาลมีมหาเศรษฐีที่มีเงินมีทอง มีทรัพย์สมบัตินับร้อยๆโกฏิ อยู่หลายท่าน แต่มีอยู่ ๙ ท่าน ที่ปราวนาตัวเป็นโยมอุปฐากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่าน... เสียสละทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่อย่างมากมายมหาศาล ส่งเสริมพระพุทธศาสนาไม่ว่าจะสละเงินทำบุญมากมายเท่าใด เงินทองก็ไหลมาเทมาตอบแทนอย่างทันตาเห็น เมื่อพระพุทธเจ้านิพพานและท่านอัครมหาเศรษฐีสิ้นบุญ ปราชญ์โบราณนึกถึงพระคุณของท่านเหล่านี้จึงได้ประชุมเห็นพ้องกัน... จัดสร้างรูปที่ระลึกของพวกท่านไว้
ครั้งใดที่เจริญพระพุทธมนต์ กราบไหว้บูชาพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ก็ขอให้นึกถึงอัครมหาเศรษฐีทั้ง ๙ ท่านนี้ด้วย เพื่อที่จะมิให้หลงลืม จึงพิจารณาสร้างพระพุทธรูปให้มี ๙ พระพักตรอยู่ในองค์เดียวกัน แต่ละพระพักตร ก็คือพระพักตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงแต่ เพื่อให้รำลึกถึง มหาอุบาสกอุบาสิกา ทั้ง ๙ ท่าน จึงสร้างพระพักตรให้มี ๙ หน้าเรียก พระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ”
สมัยท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคณูปรมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เป็นเจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส ท่านได้สร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิจากไม้มงคลต่างๆ ๙ ชนิด พร้อมกับรจนาคำสวดบูชาไว้ด้วยเรียกว่าพระคาถามหาเศรษฐีนวโกฏิ
....วันขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙ ซึ่งเป็นวันกำเนิดของพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ ที่ครูบาอาจารย์รุ่นเก่าสร้างไว้ ถ้าท่านจะทำพิธีบวงสรวงบูชาก็จะทำให้ชีวิตครอบครัวและบริวารอยู่เย็นเป็นสุขเจริญก้าวหน้า ค้าขายดีขึ้น เงินทองไหลมาเทมาดังหยาดฝน ลงมาให้บ้านเรือนของท่าน ควรจะเริ่มที่บวงสรวงโดยจัดของตามตำราดั่งเดิม อย่างน้อยดังนี้
๑. ดอกไม้ขาว ๙ กระทง (อาทิ ดอกมะลิ)
๒. ข้าวตอก ๙ กระทง
๓. อาหารคาว ๙ อย่าง
๔. อาหารหวาน ๙ อย่าง
๕. ธูป ๙ ดอกจุดบูชา
๖. เทียนขาว ๙ เล่มจุดบูชา
๗. นิมนต์พระมหาเศรษฐีนวโกฏิลงสรงน้ำ
๘. แล้วสวดบูชาด้วยพระคาถามหาเศรษฐี ๙ จบ
๙. อธิษฐานขอให้เป็นน้ำพุทธมนต์ อาบกิน ปะพรมบ้านเรือน ร้านค้า และบริวารทั้ง ๙ ครั้ง ... จะอยู่เย็นเป็นสุขทั้งปีแล
ประวัติพระเศรษฐีนวโกฏิ
พระเศรษฐีนวโกฏิเป็นรูปเคารพแทนมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านในสมัยพุทธกาล ท่านเหล่านี้เป็นผู้สร้างคุณประโยชน์อเนกอนันต์ให้แก่พระพุทธศาสนา มีความมั่งคั่งในโภคทรัพย์อยู่ในระดับเดียวกับกษัตริย์ ทั้งยังเป็นสัมมาทิฏฐิ และยังเป็นพุทธอุปฐากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ทรงยกย่องว่า ท่านเหล่านี้เป็นผู้เลิศในการทำทาน และเป็นยอดของมหาเศรษฐีทั้งปวง เศรษฐีทั้ง 9 นี้
1. ท่านธนัญชัยมหาเศรษฐี
2. ท่านยัสสะมหาเศรษฐี
3. ท่านสุมนะมหาเศรษฐี
4. ท่านชฏิสัสสะมหาเศรษฐี
5. ท่านอนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี
6. ท่านเมณฑกะมหาเศรษฐี
7. ท่านโชติกะมหาเศรษฐี
8. ท่านสุมังคละมหาเศรษฐี
9. ท่านมหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)
ผู้รู้ได้ถือเอาคตินี้มาสร้างเป็นพระนวโกฏิให้มีพระพักตร์ทั้งหมด 9 พระพักตร์ แทนใบหน้าของนวเศรษฐีทั้งเก้าในสมัยพุทธกาล เชื่อว่ามีคุณทางโชคลาภ อำนวยลาภสักการะ และความร่มเย็นเป็นสุขแก่ผู้เลื่อมใสบูชา
ประวัติมหาเศรษฐีทั้ง 9 ท่านนี้ ล้วนสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ทั้งที่ดำรงเพศฆราวาสอยู่ ตามตำนานของชาวล้านนา สมัยหนึ่งเกิดทุกข์เข็ญ ทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ประชาชนเดือดร้อน บังเกิดความอดอยากขึ้น จึงมีพระภิกษุผู้เป็นอริยะรูปหนึ่ง ได้แนะนำให้สร้างพระเศรษฐีนวโกฏิขึ้น เพื่อทำการสักการบูชาแก้เคล็ดในความทุกข์ยากทั้งหลาย และเมื่อสร้างและทำการฉลองสำเร็จ ก็ปรากฏมีเหตุการณ์ปรากฏขึ้นเป็นอัศจรรย์คือ ความทุกข์ยากอดอยากทั้งหลาย ได้บรรเทาลงและสงบระงับในที่สุด จึงเป็นคติที่เชื่อถือของชาวล้านนาว่า ถ้าผู้ใดได้บูชาพระเศรษฐีนวโกฏิแล้ว จะมีสิริมงคล ทำมาค้าขึ้น ประสบแต่โชคลาภ อยู่เย็นเป็นสุข ด้วยอานิสงส์แห่งบารมีธรรมของเศรษฐีทั้ง 9 ท่าน
อานิสงส์การบูชา
เชื่อว่าจะอำนวยลาภผลโภคทรัพย์ตามสมควร ปกปักรักษาให้บ้านเรือนร่มเย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง และป้องกันภยันตรายสิ่งไม่ดีไม่งามต่างๆ ปัจจุบันมีอยู่น้อยมากที่จะสร้างได้อย่างถูกต้องตามตำราดั้งเดิม.
พระคาถาบูชาพระ ว่าดังนี้
ตั้งนะโมฯ 3 จบ
มาขะโย มาวะโย มัยหัง มาจะโกจิ อุปัททะโว ธัญญะ ธารานิ ปะวัสสันตุ
ธนัญชัย ยัสสะ ยะถาคะเร สุวัณณานิ หิรัญญาจะ สัพพะโภคา จะ รัตตะนา
ปะวัสสันตุ เม เอวังคะเร สุมะนะ ชะฎิสัสสะ จะ อะนาถะบิณฑิกะ เมทะ กัสสะ
โชติกะ สุมังคะ สัสสะ จะ มัณฑาตุ เวสสันตะ รัสสะ ปะวัสสันติ ยะถาคะเร
เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ สัพพะ สิทธิ ภะวัน ตุ เม